วันจันทร์ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2554

ความสำคัญกับสิ่งมีชีวิตที่เกิดขึ้น ณ ป่าชายเลน





ป่าชายเลนเป็นเสมือนหนึ่งกำแพงที่เชื่อมต่อระหว่างธรรมชาติของทะเลและแผ่นดิน
                   ระบบนิเวศที่เกิดขึ้นในป่าชายเลนนั้น เป็นความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งแวดล้อม พืชพรรณชนิดต่าง ๆ เมื่อได้รับแสงจากดวงอาทิตย์จะนำไปใช้ในการสังเคราะห์แสง เพื่อให้เกิดอินทรียวัตถุ และการเจริญเติบโต พืชจึงกลายเป็นผู้ผลิต (producers) ของระบบนิเวศภายในป่าชายเลน ผลิตภัณฑ์ที่ได้ก็จะเป็นทรัพยากรที่มนุษย์นำไปใช้ประโยชน์ นอกเหนือจากที่มนุษย์นำไปใช้ประโยชน์จะร่วงหล่นทับถมในดินและในน้ำ กลายเป็นแร่ธาตุของพวกจุลชีวัน เช่น แบคทีเรีย เชื้อรา แพลงค์ตอน ตลอดจนสัตว์เล็กๆหน้าดิน เรียกกลุ่มนี้ว่า ผู้บริโภคของระบบ (consumers) พวกจุลชีวันเหล่านี้จะเจริญเติบโตกลายเป็นแหล่งอาหารของสัตว์น้ำเล็กๆ ซึ่งก็คือ ผู้ย่อยสลายของระบบ (Decomposer) และสัตว์เล็ก ๆ เหล่านี้ จะเจริญเติบโตเป็นอาหารของพวกกุ้ง ปู และปลาขนาดใหญ่ขึ้นตามลำดับของอาหาร (tropic levels) นอกจากนี้ ใบไม้ที่ตกหล่นโคนต้นอาจเป็นอาหารโดยตรงของสัตว์น้ำ (litter feeding) ก็ได้ ซึ่งทั้งหมดจะเกิดเป็นห่วงโซ่อาหารขึ้น และจะมีความสมดุลในตัวของมันเอง แต่ถ้าเกิดมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นในขั้นตอนใดแล้ว ก็จะมีผลทำให้ระบบความสัมพันธ์นี้ถูกทำลายลง จนเกิดเป็นผลเสียขึ้นได้ เช่น ถ้าหากพื้นที่ป่าชายเลนถูกบุกรุกทำลาย จำนวนสัตว์น้ำก็จะลดลงตามไปด้วยตลอดจนอาจเกิดการเน่าเสียของน้ำ
                ในระยะหลายสิบปีที่ผ่านมา สภาพป่าชายเลนตามแนวชายฝั่งด้านอ่าวไทยและฝั่งด้านทะเลอันดามันถูกทำลายไปมาก เนื่องจากถูกปละละเลย ซึ่งหากปล่อยไว้อาจเกิดผลกระทบที่จะสร้างความเสียหายต่อสมดุลทางระบบนิเวศมากเกินกว่าจะแก้ไขได้ทัน ป่าชายเลนอาจกลายเป็นเพียงภาพในอดีตที่เคยปรากฏบนผืนแผ่นดินไทย ในสถานการณ์ปัจจุบัน ป่าชายเลนได้ถูกทำลายลงด้วยกิจกรรมต่างๆ อยู่เป็นประจำ จึงจำเป็นจะต้องหาแนวทางในการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์ทรัพยากรป่าชายเลนให้ได้ผลเต็มที่ตลอดไปอย่างยั่งยืน และในขณะเดียวกันก็ไม่เป็นการทำลายระบบนิเวศด้วย  ตัวอย่างของกิจกรรมการอนุรักษ์ เช่น การปลูกป่าชายเลนเพิ่ม โดยอาจกำหนดเป็นเขตอนุรักษ์ป่าชายเลน และมีมาตรการที่เหมาะสมในการที่จะใช้ประโยชน์จากป่าชายเลน รวมทั้งปลูกจิตสำนึกให้ช่วยกันอนุรักษ์ป่าชายเลน ประชาสัมพันธ์ให้กับชุมชนที่อยู่ใกล้ชิดกับป่าชายเลนได้มีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ เพื่อให้เกิดความรักและความหวงแหนในทรัพยากรป่าชายเลน และหาแนวทางในการปรับสมดุลให้มนุษย์อยู่ร่วมสภาพแวดล้อมได้อย่างยั่งยืนด้วย
                 การฟื้นฟูสภาพของป่าชายเลน ซึ่งเป็นเริ่มต้นชีวิตใหม่ของป่าชายเลนนั้น ไม่จำเป็นต้องหาซื้อเมล็ดพันธุ์ที่มีราคา หรือต้นกล้ามาปลูกแต่อย่างใด แต่ด้วยกลไกการปรับตัวให้สามารถดำรงชีวิตอยู่ในสภาพแวดล้อมได้ของตัวเอง เมล็ดพันธุ์ซึ่งมีลักษณะพิเศษของพืชป่าชายเลน เช่น โกงกาง มักจะเป็นฝักแหลมยาว เมื่อแก่จึงหล่นจากต้น และปักบนดินที่อ่อนนุ่ม พร้อมที่จะเจริญเติบโตเป็นต้นไม่ใหญ่ต่อไปโดยไม่ต้องพึ่งพามนุษย์ นี่คือการฟื้นฟูและการอนุรักษ์ที่ดีที่สุด คือ การปล่อยให้เป็นไปโดยธรรมชาติ และจะต้องไม่มีการทำลาย


เปรียบเสมือน "บ้าน" ของพันธุ์สัตว์น้ำและพันธุ์พืชนานาชนิด ที่ใช้เป็นแหล่งเพาะพันธุ์และเจริญเติบโต
เป็นเสมือน "ครัว" ซึ่งผลิตธาตุอาหารหล่อเลี้ยงชีวิตพืชและสัตว์จากเศษใบไม้ที่หลุดร่วงสลายเป็นอาหารในดิน 
เป็นเสมือน "สะพาน" ที่เชื่อมต่อระหว่างพื้นที่ชายฝั่งและทะเล 
เป็นเสมือน "โรงบำบัดน้ำเสีย" รากและลำต้นของพันธุ์ไม้ต่างๆ เป็นด่านกรองสิ่งปฏิกูลก่อนที่จะไหลลงสู่ทะเล 
เป็นเสมือน "โรงยา" ด้วยพืชหลายชนิดมีสรรพคุณทางสมุนไพรบำบัดอาการของโรคต่างๆ ได้ดี 
เป็นเสมือน "ปอด" เนื่องจากสภาพธรรมชาติที่ร่มรื่น ช่วยให้อากาศบริเวณชายฝั่งทะเลสะอาด บริสุทธิ์ 
เป็นเสมือน "อู่ข้าวอู่น้ำ" ของประชาชนที่อาศัยอยู่ตามแนวชายฝั่งได้ทำประมง และใช้ประโยชน์จาพืชนานาพันธุ์เพื่อการดำรงชีวิต ป่าชายเลนจึงเปรียบเสมือนลมหายใจของสิ่งมีชีวิตที่ต้องดำรงอยู่อย่างพึ่งพาอาศัยกันอย่างสมดุลตามธรรมชาติ



ผู้ผลิต ได้แก่ พืชพรรณธรรมชาติชนิดต่างๆ เช่น แสม โกงกาง โปรง เป็นต้น


ผู้บริโภค ได้แก่ คน สัตว์ เป็นต้น 


ผู้ย่อยสลาย ได้แก่ จุลินทรีย์ จุลชีวัน จำพวกแบคทีเรีย เชื้อรา แพลงก์



สิ่งมีชีวิตในป่าชายเลน 
สัตว์ในป่าชายเลน
           ป่าชายเลนเป็นแหล่งที่อุดมไปด้วยสัตว์น้ำนานาชนิด นับตั้งแต่สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังตลอดจนสัตว์มีกระดูกสันหลัง ซึ่งสัตว์เหล่านี้มีความสำคัญทางเศรษฐกิจและระบบนิเวศทางทะเล
ตัวอย่าง สัตว์ที่พบในป่าชายเลน
           ปู มีทั้งที่ขุดรูอยู่ตามพื้นโคลนใต้รากไม้ และการอยู่ตามรากโกงกางขึ้นอยู่กับชนิด และการหาอาหารของมัน ได้แก่ ปูเสฉวน ปูก้ามดาบ ปูแสม ปูทะเล
           กุ้ง ถ้าเป็นกุ้งเกย ที่มีขนาดเล็ก ชาวบ้านนิยมมาทำกะปิ กุ้งขนาดใหญ่เป็นสัตว์น้ำเศรษฐกิจที่สำคัญนอกจากกุ้งแล้วยังมีสัตว์จำพวกเดียวกับกุ้ง นั่นคือ กั้งตั๊กแตน ซึ่งเป็นสัตว์น้ำเศรษฐกิจอีกชนิดหนึ่ง
นอกจากสัตว์เหล่านี้ยังมีสัตว์จำพวกเพรียงหิน แมลงสาบทะเล ที่พบอยู่ตาม ซากใบไม้ที่ร่วงหล่นทับถมกันอยู่ อีกทั้งแมลงเล็กๆ ซึ่งทำให้ภายในระบบนิเวศทางทะเลสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น


      
พันธุ์ไม้ในป่าชายเลน
               สังคมพืชในป่าชายเลนต้องมีการปรับตัวทั้งทางด้านสรีระและโครงสร้าง โดยเฉพาะเมื่อต้องอยู่ในสภาพที่เป็นดินเลนลึก พืชจำพวกนี้มีรากค้ำจุนจำนวนมากออกบริเวณโคนต้น ทำหน้าที่พยุงลำต้นและหายใจด้วย
            ตัวอย่าง พันธุ์ไม้ในป่าชายเลน ที่เห็นเด่นชัดได้แก่ 
               โกงกาง เป็นพระเอกของป่าชายเลน เขียวชอุ่มตลอดทั้งปีมี 2 ชนิดคือ โกงกางใบเล็กและโกงกางใบใหญ่
               แสม แบ่งออกเป็น 3 ชนิด คือ แสมทะเล เป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็กถึงขนาดกลาง ที่พบมากในพื้นดินงอกใหม่ แสมขาว มักขึ้นปนดินทราย แสมดำ มีใบเป็นรูปไข่กลมป้อม ปลายใบมน หลังใบเป็นมันท้องใบสีน้ำตาลอ่อน
               โปรง แบ่งเป็น 2 ชนิด คือโปรงแดง เป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็ก ชอบดินที่มีสภาพเป็นกรดห้อยบนกิ่งในทิศทิ้งตัวลงโปรงขาว ลักษณะส่วนใหญ่คล้ายโปรงแดงมาก เพียงแต่มีต้นอ่อนขนาดสั้นกว่า

                    ในสถานการณ์ปัจจุบัน ป่าชายเลนได้ถูกทำลายลงด้วยกิจกรรมต่างๆ อยู่เป็นประจำ จึงจำเป็นจะต้องหาแนวทางในการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์ทรัพยากรป่าชายเลนให้ได้ผลเต็มที่ตลอดไป และในขณะเดียวกันก็ไม่เป็นการทำลายระบบนิเวศด้วย


                
การอนุรักษ์
1.  การปลูกป่า ควรมีการฟื้นฟูป่าชายเลนที่เสื่อมสภาพ และมีการปลูกป่าชายเลนเพิ่ม
2.  มีการกำหนดเขตอนุรักษ์ป่าชายเล
3.  ปลูกจิตสำนึกให้ชุมชนช่วยกันอนุรักษ์ป่าชายเลน และประชาสัมพันธ์ให้ชุมชนช่วยกันอนุรักษ์ป่าชายเล
4.  มีมาตรการที่เหมาะสม ในการใช้ประโยชน์จากป่าชายเลน เช่น ออกกฎใครตัดไม้ป่าชายเลนไปใช้ จะต้องมีการปลูกทดแทน เป็นต้น


การฟื้นฟู
            1.  การลดปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม เช่น การลดการตัดไม้ทำลายป่า
            2.  การเติมวัสดุลงไป (พืช สัตว์ ปุ๋ย หรือการปรับสภาพดิน)
            3.  การเร่งหรือการลดกระบวนการในระบบนิเวศ เช่น การเร่งการเกิดลูกไม้ตามธรรมชาติ
            4.  การเปลี่ยนแปลงสภาพพื้นที่ เช่น การทลายคันดินกั้นน้ำ เป็นต้น
แนวทางการจัดการป่าชายเลนแบบยั่งยืน
          
       1. เร่งรัดพัฒนา และส่งเสริมความร่วมมือของประชาชนในท้องถิ่น ในด้านการอนุรักษ์และพัฒนาป่าชายเลน ด้วยวิธีการให้ความรู้ ความ เข้าใจ ที่จะก่อให้เกิดจิตสำนึกและเห็นความจำเป็นในการอนุรักษ์ และฟื้นฟูทรัพยากรป่าชายเลน โดยรัฐควรให้สิทธิและความมั่นคงรวมทั้งสิ่งจูงใจ ในประโยชน์ที่ประชาชนเหล่านี้ จะได้รับจากการคุ้มครองป้องกันและฟื้นฟูดูแลรักษาป่าชายเลน รวมทั้งการให้ความช่วยเหลือทางด้านวิชาการ และความช่วยเหลือทางด้านอื่น ๆ ที่จำเป็น ซึ่งจะเป็นอีกแนวทางหนึ่งที่เสริมสร้างศักยภาพของประชาชน ในการจัดการ บริหารป่าชุมชนชายเลนต่อไป
               2. ปรับปรุงกฎหมาย และระเบียบ ที่เกี่ยวข้องกับการใช้ประโยชน์ที่ดินป่าชายเลนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่มีการบุกรุทำลาย ยึดถือ ครอบครอง และจับจองเพื่อการได้มาซึ่งเอกสิทธิ์ที่ดินป่าชายเลนโดยไม่ถูกต้อง ทั้งนี้เพื่อให้การอนุรักษ์ และการปลูกฟื้นฟูป่าชายเลน สามารถดำเนินการได้ผลอย่างแท้จริง และเป็นการขจัดปัญหาการออกเอกสารสิทธิ์ที่ดินป่าชายเลนให้หมดไป
               3. ดำเนินการสำรวจพื้นที่ป่าชายเลนอย่างละเอียดและใช้เป็นข้อมูลในการวางแผนการจัดการป่าไม้ และการจัดการที่ดินป่าชายเลนให้เหมาะสมกับศักยภาพ ก่อนที่การอนุญาตทำไม้ในระบบสัมปทานระยะยาวในรอบที่ 2 จะสิ้นสุด เพื่อจะได้ดำเนินการให้พื้นที่ป่าชายเลนเป็นป่าอนุรักษ์ และป่าชุมชนตามความเหมาะสม ภายใต้แผนการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ

       4. ส่งเสริม และสนับสนุน ให้มีการปลูกและฟื้นฟูป่าชายเลนอย่างต่อเนื่อง ทั้งในที่ดินของรัฐและที่ดินเอกชน โดยให้มีการขยายพันธุ์ไม้ป่าชายเลนที่มีความหลากหลาย ทั้งชนิดที่มีคุณค่าทางเศรษฐกิจและชนิดที่หายากหรือใกล้จะสูญพันธุ์ เพื่อดำรงความอุดมสมบูรณ์ของ ป่าชายเลน และความหลากหลายทางชีวภาพไปด้วย
               5. ปรับปรุงระบบการอนุรักษ์ และป้องกันรักษาป่าชายเลน ให้มีการร่วมมือและประสานงานระหว่างหน่วยงานที่รับผิดชอบมากยิ่งขึ้น และให้มีการพัฒนาและปรับปรุงบทบาทของเจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่าและหน่วยจัดการป่าชายเลน จากการป้องกันปราบปราม และการควบคุมการทำไม้ มาเป็นนักส่งเสริมและพัฒนาป่าชายเลนมากขึ้น
               6. พัฒนาระบบการบริหารจัดการทรัพยากรป่าชายเลนของกรมป่าไม้ ให้มีโครงสร้างที่เป็นเอกภาพ โดยมีการแบ่งหน้าที่รับผิดชอบ ที่ชัดเจน มีเจ้าหน้าที่ดำเนินการอย่างเพียงพอ มีความร่วมมือและประสานงานที่ดี
               7. ส่งเสริมความร่วมมือกับนานาชาติ และองค์กรระหว่างประเทศ ในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และเพิ่มบทบาท ของประเทศไทยในระดับนานาชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางด้านการศึกษาวิจัย การฝึกอบรม ตลอดจนการประชุมสัมมนา ที่เกี่ยวข้องกับการ อนุรักษ์และพัฒนาป่าชายเลนแบบยั่งยืน
                                                                     
                      ที่มา :   จิระ จินตนุกูล, พ.ศ. 2540, การจัดการป่าชายเลนในประเทศไทย



การฟื้นฟูป่าชายเลนโดยธรรมชาติ
  การฟื้นฟูสภาพของป่าชายเลน ซึ่งเป็นเริ่มต้นชีวิตใหม่ของป่าชายเลนนั้น ไม่จำเป็นต้องหาซื้อเมล็ดพันธุ์ที่มีราคา หรือต้นกล้ามาปลูกแต่อย่างใด แต่ด้วยกลไกการปรับตัวให้สามารถดำรงชีวิตอยู่ในสภาพแวดล้อมได้ของตัวเอง เมล็ดพันธุ์ซึ่งมีลักษณะพิเศษของพืชป่าชายเลน เช่น โกงกาง มักจะเป็นฝักแหลมยาว เมื่อแก่จึงหล่นจากต้น และปักบนดินที่อ่อนนุ่ม พร้อมที่จะเจริญเติบโตเป็นต้นไม่ใหญ่ต่อไปโดยไม่ต้องพึ่งพามนุษย์ นี่คือการฟื้นฟูและการอนุรักษ์ที่ดีที่สุด คือ การปล่อยให้เป็นไปโดยธรรมชาติ และจะต้องไม่มีการทำลาย

                                                  
ที่มาข้อมูล ปฏิทินการไฟฟ้านครหลวง ประจำปี 2548






อ้างอิงจาก 

          ป่าชายเลนคืออะไร - ฐานข้อมูลทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง www.dmcr.go.th/marinecenter/mangrove.php


          ป่าชายเลน www.school.net.th/library/create-web/10000/.../10000-8161.htm


        ป่าชายเลน web.ku.ac.th/schoolnet/snet6/envi2/chailen/len.htm


          ป่าชายเลน www.mkh.in.th/index.php/2010-03.../2010-03-25-13-46-26


          สะพานทางเดินศึกษาธรรมชาติป่าชายเลน www.fisheries.go.th/cf-kung_krabaen/forest.htm


          ป่าชายเลน จาก สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนฯ เล่มที่ 21 guru.sanook.com/enc_preview.php?id=1371&title=





                                           จัดทำโดย

                                           นนร.ปริวัฒน์ วิสีปัตน์ ชั้นปีที่ ๒ 

                                           ตอน สังคมศาสตร์เพื่อการพัฒนาและการทหาร


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น